เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๘ ก.พ. ๒๕๕๘

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

อ้าว! ฟังธรรมะเนาะ ธรรมะคือสัจธรรม เวลาใครไม่รู้สัจธรรมก็เป็นแบบนี้ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสร้างสมบุญญาธิการมา การสร้างสมบุญญาธิการมา เราพูดถึงพระโพธิสัตว์บ่อยมาก เพราะว่าพระโพธิสัตว์ทำคุณงามความดีต้องมีพื้นฐานไง ถ้ามีพื้นฐาน ดูสิ เวลาเจ้าชายสิทธัตถะไปศึกษากับอาฬารดาบส อุทกดาบส ครูบาอาจารย์ยกย่องสรรเสริญขนาดไหน ท่านมีสติสัมปชัญญะว่าในหัวใจของเรา เราไม่หลอกลวงตัวเอง มันยังมีความลังเลสงสัยอยู่ ยังมีความสงสัยอยู่มันเชื่อไม่ได้ๆ ท่านต้องค้นคว้าของท่าน ค้นคว้าของท่านจนกว่าท่านจะสิ้นกิเลสไป พอท่านสิ้นกิเลสไปท่านวางธรรมวินัย วางธรรมวินัยไว้ สิ่งที่วางธรรมวินัยไว้ให้เราศึกษาค้นคว้าๆ

การศึกษาค้นคว้าของเรา เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนา เวลาพระพุทธศาสนาจะขัดเกลา ขัดเกลาให้หัวใจของคน ขัดเกลาให้กิเลสตัณหาความทะยานอยากในหัวใจของคนเบาบางลง ศาสนาเป็นที่พึ่งของเรานะ ถ้าไม่มีศาสนาเป็นที่พึ่งมันจะเร่าร้อนยิ่งไปกว่านี้เยอะ แล้วในปัจจุบันนี้เวลาศาสนารุ่งเรือง ศาสนารุ่งเรือง ใครๆ ก็จะเข้ามาในศาสนา มือถือสาก ปากถือศีลไง หน้าฉากก็อย่างหนึ่ง มือถือสาก ปากถือศีล เวลามือ มือถือสากซ่อนไว้ข้างหลัง เวลาปาก ปากถือศีล ถ้าปากถือศีลมันก็เป็นแบบนี้ เป็นแบบโลกๆ ถ้าเป็นโลกๆ เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา

ศาสนาทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดี...ใช่ ทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดี เพราะคน คนก็คือคนไม่ทั่ว ถ้าคนไม่ทั่วมันก็มีปัญญารอบรู้เท่านั้นแหละ แต่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปศึกษากับเจ้าลัทธิต่างๆ เขาก็ปฏิญาณตน ในอินเดียในปัจจุบันนี้ศาสนาดั้งเดิมเขายังอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้ แล้วเวลาเขาเชื่อถือศรัทธากัน แล้วเวลาเราเชื่อถือศรัทธากัน ศาสนาแรกของโลกคือศาสนาผี คนเรากลัว ไม่มีที่พึ่งที่อาศัยก็อาศัยภูตผีปีศาจไป

แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาตรัสรู้ธรรมขึ้นมา พระอินทร์ เทวดามาอุปัฏฐากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งที่มาอุปัฏฐากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพราะเหตุใด เพราะเขาต้องการบุญกุศลของเขา เขาต้องการบุญกุศลของเขา ดูสิ เวลาพระอินทร์มาใส่บาตรพระกัสสปะ พระกัสสปะอยู่ในป่าในเขาเข้าฌานสมาบัติ ใครใส่บาตรคนแรกคนนั้นจะได้บุญมาก

พระกัสสปะจะไปโปรดคนทุกข์คนยาก ไปหาช่างทอผ้า พระอินทร์ปลอมตัวไปดักหน้าเลย เขาดักหน้าเพราะเขาอยากได้ เขาอยากได้บุญกุศลของเขา แต่เวลาเขาทำบุญกุศล ขนาดพระอินทร์เขาจะปลอมตัวเป็นคนจนขนาดไหนก็แล้วแต่ แต่เวลาไทยทานของเขามันไม่ใช่เป็นอย่างนั้น เวลาของตกบาตร พระกัสสปะเห็น มันไม่ใช่แล้วล่ะ กำหนดจิตดูไง ถ้ากำหนดจิตดู “มหาบพิตร มหาบพิตรอย่าขี้โกงสิ เขาจะมาโปรดคนทุกข์คนยาก มาโปรดคนทุกข์คนยาก ให้คนทุกข์คนยากเขามีที่พึ่งที่อาศัยของเขา”

“ข้าพเจ้านี่คนทุกข์คนยาก” คนทุกข์คนยากเพราะอะไร เพราะว่าเขาเป็นพระอินทร์เขาปกครองอยู่ แต่มันมีเทวดาที่เคยทำบุญไว้มหาศาล แสงเขาดีกว่า คือทรัพย์สมบัติเขามากกว่าไง ผู้ปกครองเขาก็ไม่สบายใจ ผู้ปกครองเขาก็อยากจะเพิ่มของเขาๆ เพราะคนคิดดี ปรารถนาดี เพราะเขามีศาสนาเป็นเครื่องขัดเกลา

เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ศาสนา พระพุทธศาสนาเราก็ต้องแยกแยะเอา เวลาหลวงตาท่านเทศน์ เวลาเรากินไก่ เวลากินไก่ ไก่โดยธรรมชาติแม้แต่ไก่ที่เขาจัดมาให้มันมีกระดูก เรากินปลา ปลาก็มีกระดูกทั้งนั้นแหละ ทุกอย่าง เวลาสัตว์มันมีกระดูก มันมีสารพิษ มันมีอะไร เราต้องคัดต้องแยกของเราเองไง เราต้องเลือกของเรา กินไก่ ถ้าคนฉลาดเขาไม่กินกระดูกไก่เข้าไปติดคอหรอก เขาก็ต้องกินเนื้อไก่ เขากินแต่เนื้อมัน กระดูกเขาป้อนทิ้ง

นี่ก็เหมือนกัน ในทางโลกก็เป็นทางโลก ในทางโลกของเขา ทางโลกของเขา เป็นวัฒนธรรมประเพณี เราก็อยู่มากับวัฒนธรรมประเพณีนะ แล้วพวกเราปลื้มใจด้วย ปลื้มใจว่าพระพุทธศาสนา ศาสนาเจริญ ดูสิ คนเรามีวัฒนธรรมมีประเพณี มนุษย์ต่างจากสัตว์เพราะมีศีลมีธรรม ดูสิ เวลาคนที่เขาทำชั่วๆ เขาทำผิดศีลกัน เราก็ว่าสิ่งนั้นไม่น่าทำเลย ไม่น่าทำเลย เราก็ว่าไม่น่าทำเลย สิ่งนั้นไม่น่าทำเลยเพราะมันผิดจากประเพณีวัฒนธรรมไป ประเพณีวัฒนธรรมมันก็เป็นประโยชน์ตรงนั้น นี่โลกเป็นแบบนั้น

เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เรามีทาน มีศีล มีภาวนา เราจะมีทาน เราทำทานของเรา เราพอใจที่ไหนเราทำที่นั่น ถ้าใครพอใจที่ไหนควรทำที่นั่น เพราะความพอใจ เพราะความพอใจคือศรัทธา ศรัทธาความเชื่อ ศรัทธาความเชื่อเป็นหัวรถจักรดึงให้หัวใจของเรา ดึงให้เราเข้าไปศึกษาเข้าไปค้นคว้า เราต้องการคุณงามความดีกว่านั้น เห็นไหม ศรัทธาความเชื่อแก้กิเลสไม่ได้ แก้กิเลสได้มันต้องศีล สมาธิ ปัญญา

ทีนี้ศีล สมาธิ ปัญญา เวลาเรามีศรัทธามีความเชื่อ เราประพฤติปฏิบัติขึ้นมาแล้วเราก็ยังเชื่อแบบนั้นน่ะ เราเข้าไปปฏิบัติอย่างใด จิตใจของเรามันยังไม่สูงส่งขึ้นไป มันได้สัมผัสสิ่งใด มันว่างๆๆ ก็เชื่อตามสิ่งนั้นไป นี่วุฒิภาวะ แต่ถ้าเรามีสติมีปัญญา ถ้ามันเป็นอย่างนั้นเราก็เคยเป็น เราเป็นได้ กาลามสูตร เวลามีศรัทธาความเชื่อ เราต้องมีศรัทธาเราต้องมีความเชื่อ เพราะศรัทธาความเชื่อเป็นหัวรถจักร หัวรถจักรคือมันเป็นทรัพย์ของมนุษย์นะ เป็นสิทธิ์ของมนุษย์ มนุษย์ต้องมีศรัทธา ศรัทธาในอะไร? ศรัทธาในพ่อแม่ ศรัทธาในสิ่งที่บุคคลที่เป็นตัวอย่าง

เราศรัทธา เราศรัทธาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรามีศรัทธา ศรัทธาความเชื่อมันเป็นสิทธิ์ของเรา เรามีศรัทธาความเชื่อของเรา แต่เวลาจะประพฤติปฏิบัติตามความเป็นจริงขึ้นมา กาลามสูตร ไม่ให้เชื่อๆ มันต้องพิสูจน์ไง ว่าสิ่งนี้มันเป็นจริงหรือเปล่า นี่ไง มันจะเข้ามาไก่ที่มีกระดูกแล้วล่ะ

ถ้ากินไก่ กินปลามันมีกระดูก เราไม่ให้ก้างไม่ให้กระดูกนั้นมาเป็นโทษกับเรา เราต้องการประโยชน์ทั้งนั้นแหละ เราจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมาก็เหมือนกัน เพราะในหัวใจของเรามันมีกิเลส กิเลสมันเป็นก้างขวางคอ

กิเลส หน้าที่ของกิเลสมันทำลายทั้งนั้นแหละ มันทำลายของเรา ดูสิ มาทำบุญกุศล พอมันทำไปๆ มันก็บอกว่า “ทำบุญแล้วไม่ได้บุญ ทำแล้วก็ไม่ได้สิ่งใด”

แล้วบุญมันคืออะไรล่ะ เอ็งทำบุญขึ้นมาแล้วเอ็งหวังผลตอบแทนอะไรล่ะ บุญมันก็คือบุญไง บุญคือความสุขใจ บุญ มีบุญมีบารมี พอบารมีขึ้นมา ความดี กลิ่นของศีลหอมทวนลม กลิ่นของคุณงามความดีของเราหอมทวนลม หอมทวนลม หอมทวนลมเพื่อใคร? หอมทวนลม เวลาตกทุกข์ได้ยาก นี่บุญกุศลมันเกิดขึ้นมาอย่างนี้ คนทำบุญต้องได้บุญ เวลาได้บุญ เวลาวิกฤติต่างๆ มันมีโอกาสผ่านไปของมันได้ นี่คือบุญ

ถ้าเราทำบุญแล้วต้องได้บุญ บุญของเรา แต่เราทำบุญด้วยก้าง เวลาก้าง ทำบุญแล้วมันจะปรารถนาของมัน แรงปรารถนา ปรารถนาคุณงามความดี เราทำคุณงามความดี พระเราก็ปรารถนา นั่งสมาธิภาวนาขึ้นมาเราก็ปรารถนาความสงบสุข พอความสงบสุขขึ้นมาแล้วให้จิตใจมันอยู่ในร่างของเรา เวลานั่งสมาธิภาวนาจิตใจมันดีดดิ้น ดีดดิ้นเพราะอะไร ดีดดิ้นเพราะมันโดนกำจัดวง ถ้าปล่อยธรรมชาติของมัน มันก็อยู่อิสระของมัน มันไม่ทำสิ่งใดเลยมันก็อยู่อิสระของมัน พอเรามีศีล เรามีสติขึ้นมาจะบังคับมัน มันดีดดิ้นแล้ว ถ้ามันดีดดิ้น นี่กิเลสมันทำลาย

พอมันดีดดิ้นเพราะเราจำกัดวง เราจะล้อมคอกมัน เราจะมีคุณธรรมในหัวใจ ถ้ามีสติ สติมันยับยั้ง มีสติปัญญามันแยกแยะตรงนี้ได้ ถ้ามีสติปัญญานะ มันแยกแยะได้ เราจะทำคุณงามความดี สิ่งที่กีดขวางๆ มันกีดขวางทำไม ถ้ากีดขวาง กีดขวางเพราะเราจะกำจัดมัน เพราะกิเลสมันกลัวธรรมๆ กิเลสมันกลัวศีล สมาธิ ปัญญา มันกลัวสติ กลัวปัญญา เพราะปัญญามันแยกแยะได้ไงอะไรผิดอะไรถูก

คน เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เราแยกแยะของเราเพื่ออะไร? เพื่อนำพาชีวิตของเราไง เรานำพาชีวิตของเราเป็นที่พึ่งที่อาศัย บุญกุศลเป็นที่พึ่งอาศัย แต่เวลาเราปฏิบัติไป เวลาปฏิบัติข้ามพ้นทั้งดีและชั่ว สิ่งที่เป็นความดีๆ เพราะสุดยอดของความดีของเรา เราปฏิบัติได้ขนาดไหนก็แค่นั้นแหละ แต่ความดีที่มากขึ้นไปกว่านี้ยังมีอยู่ ความดีที่มากขึ้นไปกว่านี้ยังมีอยู่ เวลาความดีที่มากขึ้นไปกว่านี้ยังมีอยู่ เราปฏิบัติไปถึงความดีอันนั้นเราทึ่งนะ เราทึ่งของเราไปตลอดว่ามันพัฒนาขึ้นไปได้

เวลาปัจจัยเครื่องอาศัย ของมันกองพะเนินเทินทึก เราเห็นมหาศาลเลย แต่หัวใจคนที่มันดีขึ้น มันพัฒนาขึ้น โสดาปัตติมรรค สกิทาคามิมรรค อนาคามิมรรค อรหัตตมรรค

มีสติ สติเรายังล้มลุกคลุกคลานเลย เวลาครูบาอาจารย์ของเราท่านมีมหาสติ มีสติอัตโนมัติ สติที่มันมากกว่านี้ สติที่มันรู้ตัวทั่วพร้อม สติที่มันตลอดไปมันเป็นอย่างไร มันเป็นอย่างไร แต่คนปฏิบัติไปเขารู้ สิ่งที่เป็นอริยทรัพย์ เป็นอัตตสมบัติมันสมบัติในหัวใจมันจะมากมายขนาดไหน

เวลาหลวงตาท่านพิจารณาของท่านแล้ว เวลาสิ้นสุดแห่งทุกข์ท่านบอกว่า หัวใจมันบรรจุ ๓ โลกธาตุ กามภพ รูปภพ อรูปภพ ๓ โลกธาตุ หัวใจนี้กว้างขวางกว่า หัวใจที่มันใหญ่กว่า มันจุ ๓ โลกธาตุ โลกนี้ใหญ่ขนาดไหน จักรวาลนี้ใหญ่ขนาดไหน แต่หัวใจมันจุ ๓ แดนโลกธาตุเลย มันรู้แจ้งไปหมด มันเข้าใจไปหมด สิ่งนี้มันบรรจุ นี่ทรัพย์สมบัติ ถ้ามันยิ่งใหญ่มันยิ่งใหญ่ขนาดนั้น

หัวใจที่มันทุกข์มันยากถ้าเราปฏิบัติของเราได้นะ เราทำบุญกุศลเป็นพื้นฐาน เราไม่ต้องว่า “มรรคผลนิพพานมันสุดเอื้อม เราเอาแค่บุญกุศล เอาแค่ในชีวิตของเรา ในครอบครัวของเรามีสัมมาทิฏฐิ เวลาพูดกันสิ่งใด เข้าใจสิ่งใด เข้าใจสิ่งนี้ได้ ถ้าเข้าใจสิ่งนี้ได้ ความอบอุ่นในบ้านของเรา แล้วเราทำหน้าที่การงานสิ่งใดก็ขอให้ประสบความสำเร็จ สิ่งที่ประสบความสำเร็จ ชีวิตของเราขอให้ราบรื่น” มันเป็นไปทั้งนั้นแหละ ด้วยบุญกุศล ด้วยอำนาจวาสนาบารมีมันเป็นไปได้ทั้งนั้นแหละ แต่คนเรามันมีเวรมีกรรมไง คำว่า “มีเวรมีกรรม” ดูสิ เรามาดูหัวใจของเรา เวลามันมีความรู้สึกนึกคิดมันชอบ ความชอบ ความชอบกับความชอบมันแตกต่างกัน

พอความชอบกับความชอบมันแตกต่างกัน เวลาทำงานขึ้นมามันมีมุมมองแตกต่างกัน เวลามุมมองแตกต่างกัน เวลาเดี๋ยวนี้โลกมันเจริญไง พอโลกมันเจริญมีการศึกษา เขาประชุมกัน เวลาประชุมกันลงมติแล้ว เห็นแล้ว เราต้องทำตามนั้น เราจะเห็นต่างเราก็ควรทำตามนั้น เพราะสิ่งนั้นมันยังไม่ปรากฏชัดขึ้นมา แม้แต่ความเห็นขัดแย้งเราต้องเก็บไว้ภายใน แต่เราก็ต้องทำหน้าที่การงานอย่างนั้นไป เพราะว่าเสียงส่วนใหญ่เขาเห็นอย่างนั้น เขาทำอย่างนั้น ถ้าเป็นองค์กร

เราบอก “เราทำแล้วจะต้องราบรื่น เราทำแล้วเราจะประสบความสำเร็จของเรา เราทำสิ่งใดก็ได้” มันประสบความสำเร็จ แต่มันก็ผลของวัฏฏะ มันมีความเห็นต่างในสังคม มันมีความเห็นต่างในนั้น มีความเห็นต่างในจิต มีความเห็นต่างในหัวใจ ความเห็นต่างนะ เราพิจารณาตรงนั้น ถ้าเราทำอย่างนั้น นี่พูดถึงว่าเวลาเราทำงานในสังคมใช่ไหม

แต่เวลาเรามาทำงานส่วนตัวของเราล่ะ เวลาเราจะนั่งภาวนามันไม่มีใครมายุ่งกับเราแล้ว เข้าทางจงกรม นั่งสมาธิภาวนา เราคนเดียวทั้งนั้นแหละ อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน สิ่งที่มันมีความขัดแย้งในใจ เราพิสูจน์ได้แล้ว มันเป็นโอกาสของเรา เราจะพิสูจน์ความจริงของเราแล้ว ถ้ามันเป็นความจริงของเรา

ถ้าคนเราปฏิบัติธรรมเสมอต้นเสมอปลายด้วยสัมมาทิฏฐิ ๗ วัน ๗ เดือน ๗ ปี มันต้องได้อย่างน้อยพระโสดาบันขึ้นไป ๗ วัน ๗ เดือน ๗ ปี คนที่มีอำนาจวาสนาก็ ๗ วัน คนที่ปานกลางก็ ๗ เดือน คนที่สร้างอำนาจวาสนาเวไนยสัตว์ก็ ๗ ปี ถ้า ๗ ปีทำได้ มันพิสูจน์ได้ ถ้ามันพิสูจน์ได้ สิ่งนี้สำคัญ สำคัญเพราะอะไร เพราะมันเป็นสมบัติจริงของเรา

สิ่งที่เราทำหน้าที่การงาน ปัจจัยเครื่องอาศัย เห็นไหม คนเราเกิดมามีชีวิต สิ่งมีชีวิตต้องมีปัจจัยเครื่องอาศัย เราก็หาปัจจัยเครื่องอาศัยนั้นเพื่อดำรงชีวิต การดำรงชีวิตนี้ ผลของวัฏฏะเวียนว่ายตายเกิด มันซ้ำแล้วซ้ำเล่าๆ อยู่อย่างนี้ การซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อมาทำคุณงามความดี ซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาเพื่อวิวัฒนาการ เพื่อมาพัฒนาของมัน พันธุกรรมของจิต เราคิดดีๆ เราปรารถนาสิ่งที่ดีๆ คิดจนคุ้นเคย แต่เราปล่อยมันเร่ร่อน มันคิดต่าง มันคิดแปลกแยก แต่เราพยายามคิดที่ดี แต่เราก็คิดที่ดีไม่ได้

เพราะเราคิดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แก้วสารพัดนึก แก้วสารพัดนึกนะ เราก็นึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่นึกแล้วนะ “องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีจริงหรือเปล่า”

เมื่อวานเขายังมาถาม เขาบอกว่า ตอนนี้ทางวิชาการเขาบอกว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นคนไทย

เราบอกว่าคนไทย เมืองไทย สุโขทัยก็ ๗๐๐ ปี ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดในถิ่นนี้ ในทางประวัติศาสตร์เขาขุดค้นเมืองพาราณสีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดใช่ไหม กรุงกบิลพัสดุ์มันก็มี เขาขุดค้นกรุงกบิลพัสดุ์ เขาขุดค้นเขาก็เจอทั้งนั้นแหละ เขาก็พูดกันไป แม้แต่เราถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราก็ยังเชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริงหรือเปล่า พระพุทธเจ้ามีจริงหรือเปล่า พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย เขาว่า “พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย เป็นคนไทยนะ”

จะบอกว่าบ้านเชียงมัน ๕,๐๐๐ ปี แต่ถ้าเป็น ๕,๐๐๐ ปีนะ ศาสนาพุทธเรา ๒,๐๐๐ กว่าปี แต่ในการพิสูจน์ในทางประวัติศาสตร์เขาพิสูจน์ได้ เขาพิสูจน์ได้ เขามีหลักฐานของเขา แต่นั่นเวลาเราไปอินเดีย ไปสังเวชนียสถานทั้ง ๔ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประสูติ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปฐมเทศนา ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน เวลาครูบาอาจารย์เราให้พุทโธๆ เราจะเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในหัวใจ เขาต้องไปอินเดียแล้วเขาถึงจะซาบซึ้ง เขาต้องไปอินเดียเขาถึงศรัทธา

เรา เราเกิดเป็นมนุษย์เรามีศรัทธาความเชื่อ เรามีอริยทรัพย์อยู่แล้ว เพราะว่าการเดินทาง การต่างๆ มันทุกข์มันยากทั้งนั้นแหละ ถ้าเราอยู่โดยปกติของเรา ในหัวใจของเรามีศรัทธาความเชื่ออยู่แล้ว เราจะภาวนาที่ไหนก็ได้ เราจะทำสิ่งใดก็ได้ ถ้าเราเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พอเราเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในหัวใจของเรานี้ถ้ามันเป็นที่นี่

เขาบอกว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนไทย แล้วหลวงปู่มั่นเป็นคนบอกด้วย แต่ถ้าหลวงปู่มั่นเป็นคนบอก ท่านบอกอย่างนี้ ท่านบอกว่า ถ้าพูดถึงเราจะไปเฝ้าพระพุทธเจ้าในหัวใจของเรา มันเป็นชนชาติใดก็แล้วแต่ถ้าเขาปฏิบัติเขาก็มีคุณธรรมในหัวใจของเขา เวลาครูบาอาจารย์เทศนาว่าการ เขาฟังแล้วเขาก็ตีความของเขาไป แล้วพอตีความไป ขยายความของเขาไป แล้วเขามาอ้างอิงไปทั่ว

เห็นไหม กระดูก เวลากินไก่ กระดูกมันจะติดคอ เวลาเรานับถือพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาขัดเกลากิเลส เป็นเครื่องขัดเกลากิเลส จะส่งเสริมศาสนธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจะได้สัจธรรมอันนั้นเพื่อประโยชน์กับเรา เพื่อประโยชน์กับเรา ทำบุญกุศลเพื่อเหตุนี้ เราทำบุญกุศลเพื่อเหตุนี้ ให้เกิดสติให้เกิดปัญญา ปัญญามันจะแก้ไขชีวิตของเรา มันจะมีอุปสรรคขนาดไหน เราจะแก้ไขชีวิตของเราไปได้ ถ้าแก้ไขชีวิตของเราไปได้ มันบรรเทาไง บรรเทาทุกข์ เวลาเราประพฤติปฏิบัติขึ้นมาถ้ามีคุณธรรมในหัวใจ เราจะมีธรรมะในใจ เรามีสัจธรรมในใจ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต เอวัง